Life is short then do what brings happiness to life.ชีวิตเราสั้น อะไรทำแล้วมีความสุขก็ทำไป อยู่ยังไงก็ได้ให้มีความสุข

Search This Blog

Sunday, February 2, 2014

สัปดาห์ที่สามของ"นักเรียนป้าโอ้ท" Third week in school

31 มกราคม 2557

วันนี้ป้าโอ้ทไม่ได้ไปโรงเรียน เพราะคุณครูไปพักร้อนและ พรุ่งนี้วันเสาร์ด้วย ป้าโอ้ทมีการบ้านต้องทำ บัตรคำศัพท์ของวิชาการอ่าน และ การบ้านของวิชาแกรมม่าอีกนิดหน่อย ก่อนจะลงมือทำการบ้านป้าโอ้ทขอเล่าเรื่องราวของ"นักเรียนป้าโอ้ท" ต่อนะ

ภายในสามสัปดาห์ โรงเรียนป้าโอ้ทประกาศปิด สามวัน
ครั้งแรก ครึ่งวันบ่าย วันที่ป้าโอ้ทขับรถกลับบ้านด้วยความกังวลและกลัว
ครั้งที่สอง ประกาศปิดทั้งวัน
ครั้งที่สาม ประกาศปิดช่วงเช้า
ครั้งล่าสุด ประกาศปิดเต็มวัน เพราะอากาศหนาวมาก และ ประกอบกับพายุหิมะด้วย

บางวัน เมืองที่ป้าโอ้ทอยู่ไม่เลวร้ายเท่าไร แต่โรงเรียนประกาศปิดเพราะเมืองที่โรงเรียนตั้งอยู่เลวร้ายกว่า ป้าโอ้ทดูจากข่าวทีวี

เมื่อโรงเรียนปิด ทำให้ตารางเวลา และ แผนการเรียนการสอนที่ครูแต่ละท่านกำหนดไว้ (วันหยุดที่กระทบกับวิชาที่ต้องเรียนในวันนั้นๆ) ต้องคลาดเคลื่อน ต้องเปลี่ยน โดยที่ไม่ยืดวันเพิ่มตามกำหนดภาคเรียน

 ป้าโอ้ทไม่ได้เล่ารายละเอียดไว้ครั้งก่อนเนอะ เกี่ยวกับกำหนดการเรียนการสอน คือ ในครั้งแรกที่พบคุณครูแต่ละวิชา คุณครูนอกจากจะบอกถึงหนังสือ และ สิ่งที่ต้องใช้ในห้องเรียนแล้ว (หนังสือจะมีบอกในรายละเอียดวิชาเช็คได้จากเวบของโรงเรียน ซึ่งนักเรียนจะรู้ก่อนพบครูอยู่แล้ว) ยังมีเอกสารที่คุณครูเตรียมมาให้เป็นเหมือน"ไบเบิล" เลยก็ว่าได้ (คุณครูวิชาการอ่านเรียก) จะบอกให้เรารู้ว่า วันที่เท่าไร เรียนอะไร เมื่อไรมีสอบ สอบอะไร ฉะนั้นนักเรียนทุกคนจะอ้างไม่ได้ว่าไม่รู้ ไม่พร้อม ไม่ได้เตรียมตัวเพราะทุกคนมีเอกสารของแต่ละคนอยู่แล้ว ในชั้นเรียนก่อนจะถึงวันทดสอบ คุณครูทุกท่านจะบอกก่อนอีกครั้งด้วยนะ ไม่ใช่ให้พวกเรารู้เองจากเอกสารเท่านั้น

***อ่อ! ระบบการเรียนที่นี่(โรงเรียนที่ป้าโอ้ทเรียนนะ เพราะที่อื่นป้าโอ้ทไม่รู้) จะแบ่งเป็นแบบ พาร์ทไทม์(เรียนได้ไม่เต็มเวลา) และ ฟูลไทม์(เรียนเต็มเวลา) ค่าเทอมก็จะต่างกัน พาร์ทไทม์จะคิดรายหน่วยกิต ฟูลไทม์จะคิดยอดเหมา ซึ่งต้องลงเรียน ตั้งแต่ 12 หน่วยกิตขึ้นไปจะถูกกว่าแบบพาร์ทไทม์มาก แต่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาของนักเรียนแต่ละคน ป้าโอ้ทเรียนแบบเต็มเวลา เมื่อเพิ่มวิชาเรียน ป้าโอ้ทไม่ต้องจ่ายค่าหน่วยกิตเพิ่มแต่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมอื่น(อะไรนี่ป้าโอ้ทจำไม่ได้) กับ ค่าแลป(ถ้ามี)

เรียนเต็มเวลาใช้เวลา 16 สัปดาห์ กำลังสบายๆ แต่จะมีแบบเรียน 8 สัปดาห์ ด้วยนะ ซึ่งตอนคุยกับเจ้าหน้าที่แนะแนวก่อนป้าโอ้ทจะไปไทย และอยากเรียนในเทอมนั้นเลย ครูแนะนำให้ป้าโอ้ทเรียนแบบ 8 สัปดาห์ซึ่งเนื้อหาที่เรียนเหมือนกับ 16 สัปดาห์แต่ต้องเรียนหนักกว่า เพราะเวลาหายไปครึ่งหนึ่งทีเดียว จังหวะวิชาที่ป้าโอ้ทต้องเรียนห้องเต็มแล้ว โชคดีไม่ต้องเรียนหนักได้เรียน 16 สัปดาห์เทอมนี้ล่ะ

อีกอย่างที่ป้าโอ้ทชอบมากๆ คือระบบแจ้งฉุกเฉิน คิดว่าเล่าไปนิดหน่อยก่อนหน้านี้แล้ว ระบบนี้ป้าโอ้ทได้เบอร์โทรฯ สำหรับเช็คว่าโรงเรียนเปิด-ปิด จากสมุดคู่มือนักเรียนใหม่ และ ในระบบแบลคบอร์ด (ออนไลน์ ในเวบโรงเรียนจะเล่าต่อไปว่าเป็นยังไง) มีส่วนที่ให้กรอกเบอร์โทรศัพท์ของเราด้วย เมื่อมีเหตุฉุกเฉินทางโรงเรียนจะโทรมาแจ้งให้เราทราบ เช่น เมื่อโรงเรียนปิดที่ผ่านมา ป้าโอ้ทได้รับโทรแจ้งทุกครั้ง ป้าโอ้ทระบุไปให้แจ้งทั้งเบอร์บ้าน และ เบอร์มือถือเลย ครั้งหนึ่งโทรมาตอนดึก อีกครั้งโทรมาตั้งแต่ก่อน หกโมงเช้า ถ้าโทรมาสายป้าโอ้ทคงกำลังเดินทาง เพราะต้องออกจากบ้านระหว่าง 7.00น - 7.30 น ทางโรงเรียนคงมีทังนักเรียนและเจ้าหน้าที่ใช้เวลาเดินทางร่วมชั่วโมงหลายคน ระบบจึงแจ้งเช้าตรู่

ครั้งแรกป้าโอ้ทอยากรู้ว่าระบบเป็นอย่างไร ก่อนจะมีการโทรแจ้ง ป้าโอ้ทโทรไปเบอร์ที่จดมาจากคู่มือ แต่ไม่เข้าใจสัญญาณปลายสาย เพราะได้ยินต่เสียง แต๊ก แต๊ก จนกระทั่งมีโทรแจ้งเข้ามา ป้าโอ้ทเลยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่รู้หากโรงเรียนปิด

ฤดูนี้ทรมานจริงๆ ยิ่งอากาศสัปดาห์นี้ด้วยนะ -12 ถึง -15 เซลเซียส เดินจากลานจอดรถไปอาคารเรียน เดินจากอาคารเรียนมาลานจอดรถ ไม่ได้ไกลมากนะ ไม่เกินห้านาที แต่หนาวทรมาน ทำให้ป้าโอ้ทนึกถึงบ้านเรามากๆ มิสเตอร์บอกว่า ฤดูร้อนที่นี่โรงเรียนจะปิด ป้าโอ้ทก็นึกไปซิ ว่าต้องเรียนเฉพาะฤดูอากาศเย็นตลอดเลย แต่นึกอีกทีก็ดีนะ เพราะฤดูร้อนสั้น จะได้ไปเที่ยว ฤดูหนาว อากาศแย่ ไปเที่ยวไม่สนุก
เอาล่ะ มาเล่าถึงการเรียนของป้าโอ้ทต่อ

เทอมนี้ป้าโอ้ทเรียนทั้งหมด สี่วิชา + กับ อีกหนึ่งวิชาเป็นวิชาสั้นๆ 16 ชั่วโมง หนึ่ง หน่วยกิต และบังคับสำหรับนักเรียนใหม่ คือวิชา การใช้ชิวิตในโรเงรึยน เป็นส่วนหนึงของวิชา"ประสบความสำเร็จ Success courses" มีอีกหลายวิชาที่น่าสนใจ ป้าโอ้ทจะลงเรียนเทอมหน้าบ้างเพราะวิชาที่ต้องเรียนเทอมหน้าน้อย และอีกเหตุผลป้าโอ้ทยังลงวิชาหลักเทอมหน้าไมได้ เนื่องจากยังต้องเรียน อีเอสแอลอีกหนึ่งเล่ม เล่มนี้นักเรียนต่างชาติต้องผ่านก่อนที่จะเริ่มเรียนวิชาหลัก แต่ป้าโอ้ทตั้งใจว่าจะคุยกับคุณครูที่ปรึกษาของสาขาที่ป้าโอ้ทเลือกเรียนก่อนว่าจะลงวิชาของหลักสูตรได้เลยไหม ถ้าได้ก็ลงควบไปสักหนึ่งวิชา

ก่อนที่จะลงวิชา " การใช้ชีวิตในโรงเรียนให้ประสบความสำเร็จ " เป็นวิชาบังคับสำหรับนักเรียนใหม่ทุกคน ป้าโอ้ทเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่แนะแนวก่อนนะ ว่าจำเป็นต้องลงเทอมแรกเลยไหม เพราะป้าโอ้ทเวลาแน่นแล้ว หรือ ลงเทอมไหนก็ได้ในปีแรก ได้คำตอบมาว่า ถ้าลงเทอมแรกเลยได้จะดี แต่ถ้าไม่ได้ก็เทอมต่อไป แล้วป้าโอ้ทถามต่อไปอีกว่า มีวิชาไหนในกลุ่ม Success courses ที่แนะนำว่าน่าจะเรียน และนักเรียนนิยมเรียนกัน คุณครูแนะนำให้อย่างชัดเจน แต่ละวิชาเพียงหนึ่งหน่วยกิต และ ใช้เวลาเรียนสั้น วิชาที่ป้าโอ้ทลงทะเบียนเพิ่มไปที่หลังนี้เรียนเพียง 16 ชั่วโมง แล้วเริ่มเรียนเดือนมีนาคมแน่ะ

วัน และ เวลาเรียน นักเรียนสามารถเช็คได้จากข้อมูลในเวบของโรงเรียน แต่ละวิชาจะมี หลายครั้ง วัน-เวลา ที่ต่างกัน เลือกได้ตามสะดวกของแต่ละคน แต่ก็ต้องให้เหมาะเหมงกับวิชาอื่นๆเน่อะ เช่นป้าโอ้ทเอง วิชาที่บังคับต้องเรียน เรียนต่อเนื่อง ห้าวัน ตั้งแต่ 8.30 - 12.20 ทุกวัน วิชาที่ลงเพิ่ม ป้าโอ้ทเลือกวันศุกร์ตั้งแต่ 13.00 เรียนชั่วโมงเดียว หรือ สองชั่วโมงจำไม่ได้ แต่เริ่มเดือนมีนาคม เพราะวัน และเวลา ก่อนหน้านี้ ป้าโอ้ทจัดเข้าในตารางไม่ได้เพราะ ซ้ำกับวิชาอื่นๆ

*วิชาแกรมม่า มีทดสอบความเข้าใจหนึ่งครั้ง ป้าโอ้ทได้ 9/14 และ อีกทดสอบคือ เพรพโพซิชั่น ป้าโอ้ทได้ 37/50 คิดเป็น 74% ซึ่งทั้งสองนี้ป้าโอ้ทเกือบผ่าน ง่ายๆคือป้าโอ้ท"ตก" แว๊กๆๆๆๆ เริ่มต้นก็ ปิ๋วซะแล้ว แต่ป้าโอ้ทไม่เสียใจ เพราะป้าโอ้ทรู้ว่าทำไม ตรงไหนที่ป้าโอ้ทยังไม่เข้าใจ ในส่วนของแกรมม่า ป้าโอ้ทสับสนระหว่าง adjective กับ adverb ในความหมายนะเข้าใจ แต่เมื่ออยู่ในรูปประโยคแล้ว ไม่แน่ใจ ส่วนเพรพโพซิชั่นป้าโอ้ทไม่ได้ท่องทั้งหมด ท่องเพียง 5-6 คำ ที่ไม่รู้ความหมาย นอกนั้นใช้วิชาความจำดั้งเดิมผลออกมาอย่างนี้ล่ะ
 


ก่อนสอบเก็บคะแนนจริงป้าโอ้ทอ่านทบทวน และ ทำความเข้าใจ จนพอจับจุดได้ ผลคือ ป้าโอ้ทได้ 96/100 เยๆๆ ไม่ได้สูงสุดในชั้นนะ แต่ว่า ได้ดีเกินคาด เพราะป้าโอ้ทคาดไว้ 75% แค่ผ่าน สอบเก็บคะแนนเนื้อหาทั้งหมด ของ Past Of Speech ในส่วนของเพรพโพซิชั่นป้าโอ้ททำผิด 3 ข้อเท่านั้น เทียบกับตอนทดสอบต่างกันลิบ

*วิชาการเขียน เริ่มต้นด้วยการเขียนตามหัวข้อที่มอบหมาย คุณครูต้องการดูพื้นฐานการเขียนของนักเรียนในชั้นว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร มีคะแนนประเมินให้ด้วยนะ ป้าโอ้ทพอได้อยู่ล่ะ ไม่ถึงกับดีมาก แต่ไม่แย่มาก
หาจุดที่ผิดและแก้ไข 
เขียนเรื่องตามโจทย์"ถ้าคุณเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ คุณจะสร้างแนวอะไร ทำไมคนดูหนังถึงมาดูหนังของคุณ"
ผลประเมินจากเรื่องที่เขียน ข้างบน
*วิชาการอ่าน เริ่มทำบัตรคำศัพท์แล้ว คำศัพท์จากเรื่องที่อ่าน ป้าโอ้ทยังมีปัญหา อ่านแล้วจับใจความไม่ได้ว่าเรื่องพูดถึงอะไร จำเนื้อเรื่องไม่ได้ ครูถามในห้องเพื่อนๆ ตอบกัน ป้าโอ้ทนั่งเงียบ ตั้งใจฟังอย่างเดียวเพราะจำไม่ได้ ท้ายชั่วโมงบอกให้ครูรู้ด้วย ว่าป้าโอ้ทไม่สามารถเข้าใจเรื่องได้ในการอ่านครั้งเดียว ต้องอ่าน 4-5 รอบ คุณครูใจดีมาก ตั้งใจสอนให้นักเรียนอ่านได้ เข้าใจเรื่อง วิเคราะห์เรื่องเป็น คุณครูไม่ว่าอะไรป้าโอ้ท แต่บอกให้คิดว่าทำได้ ป้าโอ้ทไม่เคยคิดว่าป้าโอ้ททำไม่ได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลานานกว่าบางคนนิดนึง

การอ่าน ไม่ใช่อ่านออกเสียงเท่านั้น แต่อ่านแล้วต้องวิเคราะห์ วิจารณ์ ให้เหตุผลของตัวเอง ในเรื่องที่อ่านด้วย ป้าโอ้ทชอบนะเพราะต้องใช้ความคิดเยอะ และต้องใช้คำสวยๆด้วย ซึ่งวิชาการอ่านนี้สอนให้รู้จัก รากของคำ Root คำที่มีความหมายเหมือน/คล้ายกัน Synonym คำที่มีความหมายตรงข้าม Antonym คำที่ออกเสียงเหมือนแต่สะกดต่าง ความหมายต่าง Homophone แล้วต้องรู้ด้วยว่า คำๆ นั้นมีรูปแบบไหน ใน Part of Speech ที่ต่างกัน ทั้งหมดนี้จะอยู่ในการ์ดคำศัพท์ที่นักเรียนทุกคนต้องทำล่ะ ไม่ทำก็ไม่ผ่านวิชานี้

*วิชาการฟัง และ การพูด หัดออกเสียงกันจนน้ำลายแตกฟอง...ฮ่าฮ่า ป้าโอ้ทเคยเรียนโฟเนติคมาแล้วตอน ปวช. 20 ปีมาแล้ว จำได้คร่าวๆ ทำให้ไม่ งง แต่การออกเสียงไม่ง่ายเลย หาจากดิกฯ ก็ไม่ใช่ว่าจะถูกต้อง เพราะต้องอิงดิกฯแบบอเมริกันเท่านั้น

สรุปว่า สามสัปดาห์ป้าโอ้ทได้เรียนรู้แกรมม่ามากขึ้น และ เข้าใจมากขึ้น เพราะ วิชาการเขียน การอ่าน การพูดและการฟัง ล้วนแต่ต้องรู้โครงสร้างแกรมม่าทั้งนั้น เท่ากับเป็นการทบทวนซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ละวัน ป้าโอ้ทหิ้วกระเป๋าใส่หนังสือหนัก ดิกเล่มเดียวก็หนักแล้ว ต้องเอาไปสี่วัน วันศุกร์เรียนการเขียนไม่ต้องใช้หนังสืออะไรเลย คุณครูแจกชีทให้ทุกวันที่เรียนและไปเขียนเรื่องในห้องคอมพิวเตอร์ ถ้ามีเวลา
Jan 31,2014

I have been to school three weeks and school closed because of the weather three days;

1st half day in the afternoon which I drove home with scared.

2nd whole day.

3rd half day in the morning , on this day I had problem with a direction which the usual way I use closed at the time I was there.

4th whole day

Every day at school while I was walking from the parking to the building and walked back from the building to my car which was cold made me think of my country. The weather in Thailand never been cold as same as here. Cold weather and snow storm effected our school schedule that our teachers re-arranged it but still fit in the end of semester.

My first started with Grammar Quiz was failed. Yes, you read exactly correct " Failed " but I did not upset because I knew it will be that way. However, my first Grammar test I did really well with 96%. Yeehee! it was more than 75% which I expected just pass.

I had a good start in Advance Writing which our teacher gave first assignment of written with the knowledge we had before study. My written lack of smoothing and connecting words but those will improving in this class after I learn.

I am going to know more vocabulary in Advance Reading with making vocabulary cards. Yes, it is a bit difficult for me and I need to pay attention when working with the cards also take times. Even though I do not catch what happen in the stories we were reading,I push myself to study harder.

I enjoyed practicing pronunciation in Listening and speaking class even if I could not remember the phonetic. I had learned phonetic 20 years ago and now I need to start my brain again.

All four ESL I studied in three weeks are helping with getting better in grammar. I noticed that my grammar is getting better a little.

3 comments:

IIWS@(*_*)@USA said...

มาอีานแระ เขียนได้ยาวมากกก

YU said...

Great job!!

โอ้ท@Oath said...

ขอบคุณพี่แพร กะ พี่ยุค่ะ ที่มาอ่านเรื่องยาวววววววววว

เมื่อเราไม่ท้อ ไม่ถอย ตั้งใจ และลงมือ อะไรก็สำเร็จได้สักวัน
แวะมาบ่อยๆ นะค่ะ ขอให้มีความสุข และ มีความรักรอบๆ ตัวทุกคนค่ะ
If we never give up and begin doing, we will succeed. I wish everyone happiness and love, stay around.

เรื่องราว ข้อมูล บทความ ที่เขียนทั้งหมด ที่พื้นที่แห่งนี้เป็นข้อมูลส่วนตัว ตั้งใจเขียนเป็นบันทึกเก็บไว้อ่านย้อนหลังเพราะไม่ได้เขียนใส่สมุดตั้งแต่มาอเมริกาและเพื่อง่ายต่อทางบ้านที่ประเทศไทยได้เห็นชิวิตความเป็นอยู่ ทั้งเล่าสู่กันฟังถึงสิ่งที่ได้รู้ ได้เห็น ได้สัมผัส มิได้มีเจตนากระทบกระทั่งบุคคลใดขอขอบคุณเจ้าของบทความ งานเขียน และรวมถึงวิดีโอ ที่มีประโยชน์ได้นำมาอ้างอิงเผยแพร่ไว้ที่นี่ และยินดีต้อนรับทุกคนที่เข้ามาทั้งด้วยความตั้งใจและบ้งเอิญค่ะ

Stories and articles in this blog are my experiences .I would like to share in public. Welcome everyone!

Since I moved to the USA I have not written in a book, I use this space to keep the memories of everything I do and everyone I meet and this makes it simple to update my family in Thailand also.

Thank you to all the writers and people educated in the media who I copied to share this blog