Life is short then do what brings happiness to life.ชีวิตเราสั้น อะไรทำแล้วมีความสุขก็ทำไป อยู่ยังไงก็ได้ให้มีความสุข

Search This Blog

Sunday, January 26, 2014

ป้าโอ้ทแย่แล้ว ไปทางไหนเนี่ย! Which way ?

23 มกราคม 2557
Jan 23,2014






วันนี้โรงเรียนป้าโอ้ทเปิด 10 โมง ป้าโอ้ทไม่ต้องไปเรียนวิชาตอนเช้า วิชาที่สองเริ่ม 10.30น. สบายไม่ต้องตื่นเช้า ไม่ต้องรีบร้อน อากาศวันนี้ยังหนาวมาก 5ฟาเรนไฮต์ แต่อุ่นกว่าเมื่อวาน หิมะเป็นนำแข็งแล้ว ข้างนอกเย็นยะเยือก ป้าโอ้ทแต่งตัวเต็มที่ แวะรับเพื่อนข้างบ้าน ไปส่งที่ทำงานทางผ่าน แต่ป้าโอ้ทแวะส่งของไปรษณีย์ก่อน ขายของในอีเบย์ได้อีกแล้ว เยๆ



Today school open at 10am, so I did not study the morning class. My other class was at 10.30am. The weather today was warmer than yesterday but it still cold very much for me. At the time I opened the door, I could feel the cold from icy.  I dropped packages at the post office and took Tow to his lab before headed to school.





วันนี้รถเยอะจัง คงเพราะสายแล้ว ป้าโอ้ทขับไปเรื่อยๆ ฟังวิทยุคลื่น FM 93.7 เพราะมีแจ้งข่าวอากาศด้วย และมีเรื่องราวของคนทั่วไปคุยให้ฟังด้วย ฝีกภาษาไปในตัว ดีกว่าเปิดเพลงไทยฟังเนอะ (ป้าโอ้ทเปิดเพลงไทยเวลาไม่อยากใช้สมาธิหลายทาง ไหนจะขับรถ ไหนต้องตั้งใจฟังวิทยุว่าคุยอะไร ก็อยากรู้นี่นา) มาเล่าต่อเรื่องเช้านี้ดีกว่า...



There were many cars on the road at that time. I was listening to the radio channel FM 93.7 while driving. They reported weather update and also talked with people on the phone about the situation they pick. It was fun and I could learn something with the stories they were talking.






ขับไปได้นิดเดียวเท่านั้น ประมาณ 10 นาที เส้นทางที่ป้าโอ้ทต้องไปปิด ไอหยา! งานเข้าป้าโอ้ทแล้ว ทำไงล่ะทีนี้ สี่แยกด้วย เอาก็เอา เลี้ยวขวาตามรถคันอื่นไปก่อน ไปไหนก็ไม่รู้ มองนาฬิกา อีก 40 นาทีถึงโรงเรียน จะรอดไหมเนี่ย จะได้ไปเรียนไหมเนี่ย คิดไป เริ่มวิตก หายใจไม่ทั่วท้อง แต่ยังมีสติ มองรถคันหน้า มองทาง ตัดสินใจเลี้ยวตามคันหน้า เข้าหมู่บ้านเพราะคิดว่าเขาคงหาทางออกเหมือนกัน  ปรากฎว่าเลี้ยวเข้าบ้าน...ขำ แต่ขำไม่ออก เวลาก็น้อยลงทุกนาที เอาละ มีรถมาตามอีกคันก็แล้วกัน ขับไปได้ประมาณ 5 นาที (ไกลเหมือนกันนะ) เลี้ยวเข้าบ้านอีกแล้ว โอยๆ ไม่ไหว ป้าโอ้ทจะไปถึงโรงเรียนไหมเนี่ย เริ่มแน่นหน้าอก วิตกมาก  ตัดสินใจเลี้ยวออกทางเดิมดีกว่าแล้วตรงไปทางที่เลี้ยวมาตอนแรก



I went not far yet . OMG! the road I always use closed. Which way I should go?
I had no choice then I must turn to the right followed other cars. I decided to follow a car in front of me but that car went to a  house. Still, I followed one more car and that car went to the house too. I was worried , if I missed the class today.It was 10 minutes until the class started but it took about 40 minutes from where I was to get to school. However, I took decision to go back to the road I turned at first.




"โอยๆ เบรคไม่ได้ หวาดเสียว รถจะหมุนไหมเนี่ย" ทางสามแยก ป้าโอ้ทต้องหยุดตรงแยกด้วย ตามป้ายหยุด (กฎหมายจราจรที่นี่บังคับ) แต่เบรคไม่อยู่ ดีนะไม่ได้ขับเร็ว รถไม่มีผ่านมา ป้าโอ้ทเลี้ยวพวงมาลัย แล้วลุ้นตัวโก่งอยู่ในรถ กลัวรถจะแฉล่บเข้าบ้านหลังตรงหน้า รอดมาได้ มีรถจอดอยู่ด้านข้าง มีสวนมาสองคัน ป้าโอ้ทค่อยๆ ขับ รถความเร็วลง สาเหตุเพราะในหมู่บ้านนี้ถนนกลายเป็นน้ำแข็ง รู้สึกได้เวลาเบรคจะต้านสะท้อนเท้า ค่อยๆขับช้าๆ ใจไปถึงโรงเรียนแล้ว เพราะเวลาผ่านไป และ ผ่านไป



"Help" I thought when I could not stopped the car because I drove too fast too step on the break completely on the icy road. It was only 30mph but in that situation I could not control the car well. I worried if the car spin then I turn the stealing wheel so quick . Pew!  Lucky no car came and I did not hit anything. I reduce speed not over than 20mph until got out of that development. It took only 5 minutes to get out there but that time I felt like forever.






ในที่สุดก็ออกมาถึงปากทางหมู่บ้าน เวลาไม่นานที่วนอยู่ในหมู่บ้าน ป้าโอ้ทรู้สึกเหมือนนานมาก  เอาละเลี้ยวออกไปจากทางที่เลี้ยวมาแล้วตรงไปเรื่อยๆตามถนน โดยไม่เปิด จีพีเอส เพราะ จีพีเอสจะให้เลี้ยวกลับไปทางที่ปิด ต้องวนไป วนมา ไม่ถึงโรงเรียนแน่ๆ ป้าโอ้ทตัดสินใจ ตรงไปเรื่อยๆ ดูแผนที่ในรถประกอบ (จากจอติดมากับรถ ตัวเดียวกับจีพีเอสแต่ไม่เปิดให้จีพีเอสบอกทาง) ขับไปได้สัก 10 นาที มีหลายสี่แยก ป้าโอ้ทตัดสินใจตรงไปจนสุดทาง
เป็นการตัดสินใจที่ถูกเพราะเป็นถนนที่ป้าโอ้ทรู้จัก ดูจากหมายเลข เอาล่ะ ไปถึงโรงเรียนแน่วันนี้ ขับไปเรื่อยๆก่อน ป้าโอ้ทจำได้ว่าถนนหมายเลขนี้ตัดกับถนนเส้นที่ไปโรงเรียน แต่จากตรงที่ป้าโอ้ทเลี้ยวไกลแค่ไหนไม่รู้ เหลือบมองนาฬิกาอีก 10 นาทีจะถึงเวลาเรียน แต่ต้องใช้เวลาถึง 42 นาทีในการเดินทาง ต้องส่งข้อความบอกครูก่อนแล้ว ทำไงๆ จอดข้างทางก็ไมได้ (ตามกฎหมายจราจรที่นี่ห้ามจอดข้างทาง ยกเว้นฉุกเฉิน รถเสีย)



I turn to the road and went straight even though I had no idea where was this way took. Luckily, I knew that street. It went to the direction I wanted to go.  The class was starting shortly so I need to text the teacher let her know I won't absent but late.  I turn followed the sign on the route I wanted but I turn too early. Well, good spot which I could park and text the teacher.







ขับไปเรื่อยๆ เยๆ มาถูกทางแล้ว นั่นๆ ป้ายบอกทางไปถนนสายที่ไปโรงเรียน  ป้าโอ้ทใช้ถนนสาย 13 มีอีกเสันทางคือสาย 1 ซึงต้องเสียค่าผ่านทาง ป้ายตรงหน้าบอกทางไปทั้งสองสาย ป้าโอ้ทเลี้ยวซ้ายตามป้าย แต่ยังไม่ถึงทางเลีี้ยวนะป้าโอ้ท ใจร้อนน่ะ  ทางที่เลี้ยวไปเป็นบริษัท หรือ ร้านอะไรป้าไม่ได้มอง เห็นปั้มน้ำมันใกล้ๆ มีลานจอดรถ ป้าโอ้ทเลี้ยวเข้าไปจอด ส่งข้อความบอกครูก่อน






ป้าโอ้ท: ฉันจะไปถึงห้องเรียนสาย 20-30 นาทีนะคะ เพราะเส้นทางที่ใช้ประจำปิด แล้วไม่รู้จะไปทางไหน ตอนนี้หาทางได้แล้ว
Oath : I will late about 20 to 30 minutes because the road I always use closed and I have no idea which way to go. Now, I found the way.

ครู : ไม่เป็นไร เดินทางปลอดภัย
Teacher : No problem. Be safe.



จากนั้นป้าโอ้ทเลี้ยวเข้าเส้นทาง อ่อ ป้าโอ้ทเตรียมเงินค่าผ่านทางไว้ก่อน 75 เซ็น เผื่อเส้นทางนี้ต้องใช้สาย 1 
โชคดีจัง ถนนสายนี้ตัดกับเส้นทางสาย 13 พอดีเปะๆ เอาล่ะถึงโรงเรียนแน่นอนก่อนเลิก หนึ่งชั่วโมง ไม่เสียเวลาเปล่า ในตอนนั้น ป้าโอ้ทหายใจไม่ทั่วท้อง เริ่มหนักหัว เพราะวิตกมาก ว่าจะไปถึงสายมาก แล้วตามไม่ทัน ต้องหายใจเข้า-ออก ให้ตัวเองผ่อนคลาย ถนนสายนี้รถไม่เยอะขับได้สบายๆ



I continued to my "journey"  with worried still. I could not breath well but I tried to control myself with inhale and exhale.




ป้าโอ้ทถึงโรงเรียนเลยเวลาเรียนไป 30 นาที ซึ่งมั่นใจว่าครูยังไม่สอนมากเท่าไรนัก ดีใจเล็กๆ แต่แล้ว ก็ต้องกังวลอีกครั้ง คราวนี้คิดว่า" วันนี้เสียเวลาเปล่าแน่ๆ มาถึงโรงเรียนแล้วไม่ได้เข้าเรียน" ที่จอดรถเต็มหมดเลย ลานจอดหน้าอาคารที่เรียน ขับวนไป วนมา อยู่หลายรอบ สิบรอบได้มั้ง และนั่นไง รถออกพอดี ป้าโอ้ทจอดรอ แต่คนใจร้าย ขับมาอีกทางเสียบปั๊บ  ไม่ไหวแล้ว วนอยู่ตรงนี้ไม่ได้เรียนแน่ๆ ป้าโอ้ทตัดสินใจขับไปที่อาคารใกล้ๆกัน เดินไม่ไกลนะ แต่อากาศหนาวแบบนี้ไม่อยากเดิน ทำยังไงได้ล่ะไมมีทางเลือก ทนหนาวแป๊บเดียว ดีกว่าวนหาที่จอด แล้วไม่ได้จอด ไม่ได้เรียนด้วย

เมื่อตัดสินใจแล้วป้าโอ้ทเลี้ยวรถออกจากลานนั้น ไปที่ลานจอดอาคารใกล้ๆกัน โชคดีมีคนเดินมาที่รถ กำลังจะออก ป้าโอ้ทเสียบทันที 



I got to school about 30 minutes late that made me relief because the class has not gone far. Unfortunately, the parking closed to the building were full. I drove around many times. "Well, park a bit far and walk better than came  and miss the class", I told myself. As the thought, I drove to the next building with lucky because a car was leaving. Yeah!






กว่าจะได้เข้าห้องเรียน เลยเวลามาหนึ่งชั่วโมงเชียว แต่นักเรียนป้าโอ้ทเก่งซะอย่าง (คุยเลย) เข้าไปต่อติด ตอบคำถามได้อีกด้วยนะจะบอกให้ ^_^

Finally, I was in the class an hour late but I could catch up with what teacher taught very well. ^_^

-----------------------------------------------
"รถใครมีเบาะปรับความร้อนบ้าง?"
"Anyone 's car has hot seat?"


 รถป้าโอ้ทมี และ ป้าโอ้ทชอบมากๆในฤดูหนาว ขึ้นรถปุ๊บ เปิดความร้อนเบาะปั้บ สบายก้น ^_^ แต่ถ้าฤดูร้อน ไม่ไหว ใช้ที่บ้านเราก็คงไม่ไหวเน่อะ

My car has hot seats that is my favorite thing to use in winter. Get in the car then turn on the hot seat immediately, but if in summer I do not think a good idea to turn the hot seat on.  HaHa
ถนนในหมู่บ้านที่ป้าโอ้ทอยู่หลังเลิกเรียน  In the development I am living , photos after school


ถึงบ้านแล้ว I am home



ถนนหน้าบ้านกลางคืน  icy road in front of the house at night


เอาน้ำแดงมาราดดีไหม


Sunday, January 19, 2014

ขนมอบ(กล้วย) Banana cup baked my own recipe'

16 มกราคม 2557 => เอาล่ะ วันนี้ต้องจัดการเจ้ากล้วยเปลือกดำปี๋ในตู้เย็นเสียที แช่ไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ทำอะไรดีล่ะ? เค๊กกล้วยหอม หรือ ขนมกล้วยดี น๊า? ว่าแล้วป้าโอ้ทจัดแจงหาในเนต เค๊กกล้วยหอมทำอย่างไรหว่า จำไม่ได้ ...เมื่อดูวิธีทำในเนตแล้ว ป้าโอ้ทลงมือทำ แต่ด้วยสูตร"ตามใจฉัน"








1. แป้งเอนกประสงค์ 2 ถ้วย  All purpose flour 2 cups
2. ผงฟู 1/2 ช้อนชา  Baking powder 1/2 tsp
3. เบคกิ้งโซดา   1/2 ช้อนชา  Baking soda 1/2  tsp
4. ไข่ไก่ 1 ฟอง       Egg 1
5. นมสด 1 ถ้วย      Milk  1 cup
6. กล้วยบด 8 ผล (ทั้งหมดที่มี)  Ripe banana 8
7. กลิ่นกล้วย 1/2 ช้อนชา    Banana extract 1/2 tsp
8. เม็ดพีคาน สองกำมือ หรือ 1 ถ้วย     pecan 1 cup
*ไม่ใส่น้ำตาลเพราะไม่ชอบหวาน   without sugar








วิธีทำ ; Prepared








เปิดเตาอบ 400 ฟาเรนไฮต์ เตรียมถาดคัพเค๊ก ใส่ถ้วยกระดาษขนาดตามต้องการไว้
Heat the oven at 400f and prepared cup cake liner in the muffin pan








1. ร่อนแป้ง ผงฟู เบคกิ้งโซดา พักไว้ shift flour ,baking powder and baking soda set a side
2. บดกล้วย ใส่กลิ่น mix banana with banana extract
3. ใส่ไข่ในแป้ง แล้วใช้พาย คลุกให้เข้ากัน  added egg into a flour bowl and mix together
4. ใส่กล้วยบด แล้วคลุกให้เข้ากัน  added banana mixed and mix together
5. เติมนม แล้วคลุกให้เข้ากัน added milk,mix
6. ใส่ถั่วพีคาน คลุกให้เข้ากัน แล้วตักใส่ถ้วยที่เตรียมไว้ added pecan, mix and put the container then bake for 20 minutes. Check with tooth pick or a fork if nothing stick on. If still wet inside continue baking for 5 minutes.











Saturday, January 18, 2014

สัปดาห์แรก ของนักเรียนป้าโอ้ท First week Spring 2014 Jan 13-17

คืนวันก่อนเปิดเรียน ป้าโอ้ทนอนไม่ค่อยหลับ ตื่นทุกหนึ่งชั่วโมง ตื่นเต้นน่ะซิ จะได้ไปโรงเรียนต่างประเทศครั้งแรก จะเจออะไรบ้าง? จะมีเพื่อนรุ่นเดียวกันไหม? จะพูดรู้เรื่องไหม? จะฟังครูเข้าใจไหม? บลา บลา นี่ล่ะทำให้นอนไม่ค่อยหลับ



วันจันทร์ที่ 13 มค 57 ...ตื้ดดดดดดดดดดดดด นาฬิกาปลุกดัง เวลา 5:48น. อ้าว! ตั้งไว้ หกโมง ปลุกเร็วจัง แต่ไหนๆ ก็นอนไม่หลับ ลุกเร็วมีเวลาหุงข้าว เตรียมเสบียง อาบน้ำ แต่งตัว ไอหยา! ป้าโอ้ทติดกระดุมกางเกงไม่ถึง ห่างเท่าฝ่ามือเลย เอาอีกตัวมาซิ เหมือนกันเลย จะใส่ยีนส์ไปเป็นวัยรุ่น อดกัน แต่งตัวเรียบร้อย ลงมาในครัวจัดเสบียงตัวเอง เตรียมเสบียงของมิสเตอร์ใส่ถุงพร้อมวางไว้ในตู้เย็น แล้วออกจากบ้าน แต่...น้ำแข็งเกาะกระจกรถ เอ้า! ขูดๆ กว่าจะได้สตาร์ทก็ปาเข้าไป 7:30น. สายแน่ๆ วันแรก หนาวก็หนาว ป้าโอ้ทใส่เสื้อแจ๊คเก็ตแล้วหนึ่งตัว หยิบเสื้อโค้ทอีกหนึ่งตัวติดรถไว้เผื่อ กันลืมหยิบผ้าพันคอ เส้นทางจากบ้านรถค่อนข้างเยอะ แต่เมื่อพ้นมาได้สัก 10 นาทีเข้าถนนอีกสาย รถน้อย ถึงไม่มี ขับสบาย ไม่ต้องกังวลอะไร แต่ต้องอยู่ในความเร็วกำหนดอีก เส้ันทางที่ใช้ง่ายมากเพราะขับตรงอย่างเดียว จีพีเอสให้เลี้ยวเข้าเส้นทางด่วน ป้าโอ้ทไม่ไปเพราะไม่อยากเสียเงิน มีทางเลี่ยง ใช้ทางเลี่ยงดีกว่า ระยะเวลาไม่ต่างกันเพราะถนนโล่ง ป้าโอ้ทถึงโรงเรียน เลี้ยวเข้าลานจอดหน้าตึกที่เรียนสบายๆ เพราะเรียนเช้า นักเรียนคงน้อย รถยังไม่เยอะ สรุปว่า มาก่อนเวลาตั้ง สิบนาที มีนักเรียนอยู่ในห้อง สอง สามคนเอง เรียนน้อยกว่าที่ป้าโอ้ทคิดไว้มาก เพราะป้าโอ้ทนึกไปถึงรามฯ ที่ต้องแย่งกัน ไปสาย ก็ออกมานอกห้องเลยที่เดียว เรียนวิชาพื้นฐานตึกทั้งตึก ทุกชั้นกันไปเลย แต่ที่นี่ผิดคาด เลิกเรียนวันนี้ต้องไปปฎิบัติหน้าที่แจ๋วต่อ กลับถึงบ้านทำอาหารให้มิสเตอร์ แล้วป้าโอ้ทก็ปวดหัวมาก พยายามข่มตานอนให้หลับอย่างทรมาน คงเพราะใส่เสื้อไม่อุ่นพอตอนไปเรียนแน่ๆ เพราะเอาเสื้อโค้ทไปด้วยแต่ไม่ใส่ อยู่ในรถ



วันอังคารที่ 14 มค 57...ฝนตกพรำๆ ออกจากบ้านราว 7:15น. แวะส่งของไปรษณีย์ก่อน ขายของได้ในอีเบย์ เยๆ ฝนตกพรำๆ ตลอดทางจนถึงโรงเรียนเลย วันนี้มีเรียนสองวิชา ดีที่เรียนห้องเดิมไม่ต้องเปลียน เลิกเรียนแวะวอลล์มาร์ทสักประเดี๋ยว อยู่ใกล้โรงเรียนนี่เอง ป้าโอ้ทหม่ำกลางวันในรถที่ลานจอดวอลล์มาร์ทนี่ล่ะ ส่งภาพอาหารไปในไลน์มิสเตอร์ ปรากฎว่ากลับถึงบ้าน มิสเตอร์ถาม" ที่โรงเรียนไม่มีโรงอาหารเหรอ ถึงกินในรถ" ^_^ มีแต่เรียนเสร็จแล้วไม่ได้ทำอะไรต่อ เลยกลับมาที่รถ กินเสร็จแล้วกลับบ้าน ยังไม่มีเพื่อนด้วยแหละ ยังไม่ไปสำรวจโรงอาหาร เดินผ่านแว่บๆเท่านั้น



วันพุธที่ 15 มค 57...เช้านี้ตื่นมางัวเงีย ง่วงจัง เพราะเมื่อคืนนอนซะเกือบเที่ยงคืน มัวแต่นั่ง งม ว่าเวบโรงเรียนใช้อย่างไรอยู่น่ะซิ โอโห หมอก หนาจัง มองถนนไม่เห็นเลย ครั้งแรกที่ป้าโอ้ทขับรถฝ่าหมอกหนา ระยะไกลด้วย ค่อยๆขับไปช้าๆ นึกว่าจะถึงโรงเรียนสาย แต่ไม่สาย ถึงเวลาเข้าเรียนพอดี มีเพื่อนนั่งอยู่หนึ่งคน เพื่อนบอกนึกว่าย้ายห้องเรียนกัน แต่ปรากฎว่า ครูมาสายกว่า (มีโน๊ตแจ้งไว้บนกระดาน)





วันพฤหัสบดีที่ 16 มค 57...วันนี้ท้องฟ้าแจ่มใส แต่ยังหนาวอยู่นะ ก่อนไปโรงเรียนแวะส่งของไปรษณีย์ ขายของได้อีกแล้ว เยๆ วันนี้ ลมพัดอ่อนๆ สายๆ หิมะตกซะงั้นแหละ ตกตอนกำลังเรียนกันอยู่ แป๊บเดียวหยุดแล้ว วันนี้กลับบ้านพักผ่อนได้เพราะไม่มีการบ้านต้องส่งพรุ่งนี้ ป้าโอ้ทนอนดูทีวีกับมิสเตอร์ได้สองเรื่อง ก่อนขึ้นนอน

วันศุกร์ที่ 17 มค 57...โหย๋ ทำไมวันนี้ถึงได้หนาวแบบนี้ล่ะ ดูเทอร์โมมิเตอร์ 24ฟาเรนไฮต์ ต้องใส่เต็มยศเลยวันนี้ หมวก ผ้าพันคอ ถุงมือ ที่ครอบหู เปิดประตูออกไป ลมพัดอ่อนๆ ยังไม่พอ น้ำแข็งเกาะยอดหญ้า เกาะทุกสิ่ง ต้องขูดกระจกรถก่อน หนาวก็หนาว อี๋ยยยยย ป้าโอ้ทสตาร์ทเครื่อง หวังจะให้น้ำแข็งละลาย จะได้ขูดง่ายๆ ปรากฎว่า สตาร์ทเครื่องยนต์แต่ดันไม่เปิดฮีตเตอร์ เฮ้อ! ป้าเอ้ย ป้า





สัปดาห์แรกทั้งสัปดาห์คุณครูแนะนำเนื้อหาที่จะเรียนกัน หนังสือ และ สิ่งที่ต้องใช้ แนะนำตัวกันเล็กน้อย และ เล่นเกมส์ เทอมนี้ป้าโอ้ทเรียน สี่วิชา กับคุณครู สาม ท่าน

  *วิชาแกรมม่า กับ วิชาการฟังและการพูด คุณครูคนเดียว อายุย่าง 25 หน้าตาดี ทำให้ป้าโอ้ทกระชุ่มกระชวย ^_^ นักเรียนทั้งหมด 15 คน เรียน 4 วัน ต่อสัปดาห์ สัปดาห์นี้นักเรียนไปเรียน ไม่ถึง 10 คน
*วิชาการฟังและการพูด ทั้งหมดกี่คนไม่ได้ถาม แต่ไม่น่าเกิน 15 คน นักเรียนไปเรียนกันเกือบเต็มห้อง

* วิชาการอ่าน คุณครูผู้ใหญ่กว่าป้าโอ้ท ผู้หญิงใจดี อารมณ์ขัน ท่าทางจะสอนสนุก ป้าโอ้ทถามหลังเลิกเรียนก่อนกลับบ้าน คุณครูอธิบายให้จนเข้าใจ วิชาการอ่าน นักเรียนทั้งชั้น 12 คน วันแรกไปเรียนกัน 11 คน

*วิชาการเขียน คุณครูอาจจะอายุมากกว่านิดหน่อย ยังสาวและสวย ท่าทางสอนไม่น่าเบื่อ วิชานี้ป้าโอ้ทชอบที่ไม่มีหนังสือ ไม่ต้องถือหนัก และเวลาเขียนเข้าไปเขียนในห้องคอมพิวเตอร์ คุณครูให้เปิดเวบดิกชันนารี่ได้ นักเรียนทั้งหมด 8 คนเท่านั้น และเป็นวิชาที่เรียนวันเดียวต่อสัปดาห์ ใช้เวลา 4 ชั่วโมงกันเลย แต่ป้าโอ้ทรู้สึกเวลาผ่านไปเร็วมากๆ คุณครูพูดรวดเดียว และป้าโอ้ทต้องตั้งใจฟังด้วย เพราะถ้าหลุดไปนิดเดียว ไม่รู้เรื่องแล้ว


  ห้องเรียนทุกห้อง มีเครื่องฉายต่อกับคอมพิวเตอร์ พร้อมลำโพง ไว้ให้คุณครู มีอินเตอร์เนต เปิดเวบสอนได้

อ่อ! ป้าโอ้ทลืมเล่าว่า วันแรกป้าโอ้ทถามครูที่สอนการฟัง ถ้าเข้าไปนั่งเรียนไม่เอาเกรดจะได้ไหม ครูให้ป้าโอ้ทไปถาม ผอ.ฝ่ายภาษาอังกฤษ หลังเลิกเรียนวันนั้นป้าโอ้ทไปพบ ผอ. และ ผอ.บอกให้เรียนเอาเกรดด้วย พร้อมกับเขียนใบเพิ่มวิชาให้ป้าโอ้ทเอาไปลงทะเบียน มีลายเซ็นต์ ผอ.ฝ่ายภาษาอังกฤษมาแบบนี้แล้ว ได้เพิ่มวิชาเรียบร้อย เพราะตอนลงทะเบียนครั้งแรก ลงไม่ได้วิชานี้ล่ะ (เล่าไว้แล้ววันลงทะเบียน)


หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว การบ้านป้าโอ้ทมีทุกวัน ป้าโอ้ทต้องเรียนเพิ่มเองด้วยการหาความหมายของศัพท์ และอ่านทบทวน เพราะในห้องมีน้องคนหนึง เก่งมาก ครูถามส่วนใหญ่ตอบได้ ทำให้ป้าโอ้ทต้องดันตัวเอง แต่ครูไม่ค่อยถามป้าโอ้ทมาก เพราะป้าโอ้ทจะถามครูซะมาก ^_^



หนึ่งสัปดาห์ป้าโอ้ทรู้สึกชอบ และดีใจที่ตัดสินใจเลือกเรียนที่นี่ ปฎิบัติเยอะกว่านั่งจดๆ และ เรียน อ่านเองในหนังสือ มีเพื่อนบางคนที่เรียนมาแล้ว สอบไม่ผาน เรียนซ้ำ บอกว่าครูคนก่อนสอนไม่ดี ป้าโอ้ทขอให้เจอแต่ครูสอนดีๆ เพี้ยง

My first semester in Spring 2014 was started first day in Jan 13,2014.

The night before I was really worried that cause me did not sleep well. I woke up everyone hour for whole night until the clock alarm.

I prepared my lunch and also for Mister then ready to go to school. The road was not busy. I got school 10 minutes before class. I parked at the parking in front of the building which few car that time.

Whole semester I study ESL : Advance Grammar and communication, Advance Reading, Advance Writing and Advance Listening and speaking with three teachers.



The end of the first week, I felt happy that I made the right decision to study here. About study, I have no problem with understanding both teachers and friends but I need to learn harder by myself at home with vocabulary because other students seem to know more than me. It is easier for study when know the meaning of words.

Sunday, January 12, 2014

ไหม้ Burn

12 มกราคม 2557

วันนี้ดูหนังรอบ เที่ยงห้าสิบ เรื่อง โลน เซอไวเวอร์ Lone survivor แปลว่า รอดคนเดียว ป้าโอ้ทสั่งไก่ทอดไม่มีกระดูกกับ มันฝรั่งทอดนั่งกินในโรงหนัง อร่อยจังฮู้ 😁

กลับถึงบ้านขยันอีกแล้ว...จัดการหั่นกุนเชียง สองห่อ (สิบท่อน) ใส่เตาอบไว้ จะได้เก็บไว้กินหลังเลิกเรียนสัปดาห์หน้า ป้าโอ้ทเรียนครึ่งวันทุกวัน  เมื่อเอากุนเชียงใส่เตาอบ แล้วขึ้นไปจัดหนังสือบนบ้าน 


โอยโหย๋! ลืมกุนเชียง อดกัน เกรียม แข็งเป๊ก มิสเตอร์บอกว่า " อะไรเนี่ย ถ่านเหรอ" สรุปว่า ทิ้งเทถาด ต้องเพิ่งอาหารหลักง่ายๆ "ไข่ต้ม" ดีนะ มีปลากรอบพี่สาให้มาอีกหนึ่งถุง




Jan 12 2014

Our movie this afternoon was " Lone survivor" was good.
At home, I broil sweet Thai sausages  and went up stairs organize book shelves.

OMG! I forgot my sausages. Mister said" What is this? Charcoal?"
I end up with boiled eggs for my lunch at school next week and crunchy tiny fish from a friend.

Saturday, January 11, 2014

ป้าโอ้ทพร้อมไปโรงเรียนแล้วจ้า I am ready for shool

และแล้ววันที่ป้าโอ้ทรอก็มาถึง วันจันทร์ที่ 13 มค 57 นี้ โรงเรียนเปิดแล้ว เป็นวันแรก และ เทอมแรกของป้าโอ้ท มีกังวลอยู่สอง สามเรื่องแต่ป้าโอ้ทไม่ถอย หนังสือพร้อม สมุดพร้อม นักเรียนพร้อมมาก

เทอมแรก ป้าโอ้ทยังไม่ได้เรียนวิชาหลัก เพราะต้องเรียนภาษาอังกฤษให้ผ่านก่อนอีกสามเล่ม เพราะคะแนนสอบขาดไปนิด (เล่าไว้เมื่อบล๊อกก่อนหน้า พักใหญ่ๆแล้ว)

หนังสือเรียนจัดว่าแพงนะ เล่มหนึ่ง ห้าสิบกว่าดอลล่าร์ แต่ป้าโอ้ทประหยัดไปได้เยอะ ซื้อที่เวบ www.half.com หนังสือสี่เล่มจ่ายไป รวมค่าส่งด้วย 108 ดอลล่าร์ ยังถูกกว่าซื้อกับร้านหนังสือโรงเรียน เพราะราคาทั้งหมด สองร้อยกว่าๆแน่ะ ต้องขับรถไปซื้อด้วยตัวเองด้วยเพราะไม่มีส่งทางไปรษณีย์   มิสเตอร์ซื้อสมุดให้สามเล่ม
วิชาที่ป้าโอ้ทต้องเรียนเทอมนี้ได้แก่ แอดวานซ์แกรมม่า  แอดวานซ์การเขียน และ แอดวานซ์การอ่าน

ชีวิตนักเรียนป้าโอ้ทจะเป็นอย่างไร ป้าโอ้ทจะเล่าต่อไปนะคะ

เรื่องที่ป้าโอ้ทกังวล แต่ป้าโอ้ทไม่ถอย เดินหน้าเต็มตัว เพราะคนอื่นๆทำได้ ป้าโอ้ทก็ทำได้
1. ต้องเรียนกับเด็กๆ ที่เพิ่งจบมัธยมปลาย (ไฮสคูล) จะคุยกับเด็กๆ ไม่รู้เรื่อง
2. ป้าโอ้ทไม่ชอบอ่านหนังสือ เลยรู้เรื่องรอบตัวน้อย จริงๆต้องบอกว่าไม่รู้อะไรเลย จะเข้ากลุ่มกะเด็กๆ ได้ไหมน๊า คุยอะไรก็ไม่รู้เรื่อง


I am going to be a college student again after graduated from the University in Thailand 17 years ago. This will be my new experience.  I am ready.

I ordered books from www.half.com that much cheaper . I got some new books and some accepted. Mister bought me three note books.  This Monday (Jan 13 2014) is my first day to school in this country and first semester.

I worried in many things but I am not afraid to face with those.
"Others could do so do I"
  

Friday, January 10, 2014

โอ้ยยยยยยยยยยยย! Ouch!

10 มกราคม 2557  

วันนี้ป้าโอ้ทเริ่มต้นวัน (หลังมิสเตอร์ออกไปทำงานแล้ว) ด้วยการดูดฝุ่นห้องนอน ห้องรกๆ ข้างบนอีกสองห้อง แล้วยืนมองชั้นเสื้อที่หน้าต่าง สลับกับมองลำโพงสองตัวที่วางอยู่ข้างชั้นเสื้อ มองตู้เสื้อผ้าของตัวเอง ที่อยากจะจัดให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ (ตู้เสื้อผ้าป้าโอ้ทไม่รกนะ แต่เสื้อผ้าแน่นจนทะลักเท่านั้นเอง) แต่สุดวิสัยเพราะตู้เล็ก

ยืนจ้องอยู่พักหนึ่งแล้วตัดสินใจ ขยับ สลับที่เอาชั้นเสื้อจากริมหน้าต่างไว้แทนที่ลำโพงหลังประตู ตู้เสื้อผ้า (เปิดประตูออกมาจะอยู่หลังประตูพอดีนั่นเอง ลากกล่องใส่เสื้อที่วางขวางอยู่ออก ลากเครื่องออกกำลังกายออก (ตัวนี้ลากได้คนเดียว) แล้วจัดการขยับ สลับที่ จนกระทั่งลำโพงเอาวางที่หน้าต่าง...โอ้ย! นิ้วก้อยน้อยป้าโอ้ทเข้าไปอยู่ระหว่างขอบหน้าต่าง กับ ลำโพง เจ็บจัง! แต่ป้าโอ้ทยังคงขยับลำโพงต่อจนเข้าที่ ทั้งสองตัว แล้วก้มมองนิ้วก้อยน้อยของตัวเอง ไอหยา! เลือดอาบเลยนึกว่าแค่ช้ำๆ เนื้อฉีกเลยจ้า แต่ไม่ถึงกับต้องเย็บนะ ป้าโอ้ทจัดการเอาพลาสเตอร์ปิดสองชั้น แล้วกลับไปจัดข้าวของต่อจนเสร็จ
หมุนไปหมุนมา หยุดยืนอยู่หน้าโดมต่างหู แล้วตัดสินใจจัดการซะ... เพื่อนป้าโอ้ท"ไจลี่" ให้สามีเขาซื้อที่ใส่เครื่องประดับเป็นแบบแขวนมาฝากจากจีน ตอนแรกไม่ชอบ และไม่ชอบสีดำด้วย แต่พอจัดเสร็จ ป้าโอ้ทชอบนะ กันฝุ่นด้วย แล้วพื้นสีดำทำให้เห็นต่างหู และ สร้อยชัดเจน ป้าโอ้ทมีภาพมาให้ดูตั้งแต่มาอยู่ที่อเมริกาว่าเก็บต่างหูอย่างไร จนวันนี้
ป้าโอ้ทแขวนต่างหูแบบนี้ตอนอยู่ไทย my earrings in Thailand

Jan 10 2014....

Today after Mister went to work, I started my day with vacuum the floor in the living room , bed room and messy rooms upstairs. I also moved and re-organized my closet and shelf.

 I moved two big speaker phone from the corner replace the shelf by the window and ...Ouch! my pinky finger was in the middle of the window curve and the speaker.

 I did not look at my finger right away but continue to placed both speaker by the window.

OMG! blood cover my pinky finger. I did not think it was that bad. Well, I put two bandages on it and continue with my organizing.
I also changed my earrings storage. I got a new one (the pic before last) from Jialin. It is black that I did not like in the beginning but it makes my earrings look so pretty. I love it now.

Monday, January 6, 2014

พูดได้ไหม? Can you speak?



ป้าโอ้ทอยากเล่าเรื่องหลังภาพ ภาพนี้
เมื่อวันเช้าวันที่ 23 พย 56 ที่ดอยผ้าห่มปก เชียงใหม่ หลังจากแช่น้ำแร่ร้อนกันแล้ว ป้าโอ้ท มิสเตอร์ น้องชาย หลานสาว พากันเติมพุงที่ร้านอาหารในอุทยานฯ ระหว่างนั้นมีหญิงชราชาวเขา แต่งตัวชุดชาวเขา พูดไทยไม่ชัด มาขายของ  หญิงชราคนนี้เดินสาวยกับเราตอนเดินจากที่พัก ไปจุดแช่น้ำแร่  ป้าโอ้ทเดาว่าคงเฝ้ามองกระทั่งเราออกมา แล้วเดินมาหา เพราะวันนั้นในอุทยานมีมิสเตอร์เป็นชาวต่างชาติคนเดียว

ป้าโอ้ทอุดหนุนเป็นของฝากหลานสาวของมิสเตอร์ที่อเมริกา เด็กน้อยในภาพนี้เดินมายืนมองหน้าป้าโอ้ทแบบดุๆ ไม่พูดไม่จา ไม่ยิ้มด้วย มิสเตอร์ถามป้าโอ้ทว่า ชีต้องการอะไร ป้าโอ้ทตอบไป ยูเฉยๆไม่ต้องสนใจเดี๋ยวเด็กก็ไป แต่ไม่เป็นอย่างที่ป้าโอ้ทคิด เด็กหญิงจ้องป้าโอ้ทตาเขม่งประหนึ่งจะเอาเรื่อง ป้าโอ้ทอยากถ่ายภาพเด็ก แต่คิดอีกทีช่วยเด็กสักนิดดีกว่า สบายใจกว่าถ่ายรูปเด็กเฉยๆ

ป้าโอ้ท: พูดได้ไหม
เด็กตอบแบบห้วน:ได้

ป้าโอ้ท:ขายอะไร
เด็ก:ข้าวหลาม

ป้าโอ้ท:อันเท่าไร
เด็ก:หนึ่งบาท

ป้าโอ้ท:ถ่ายรูปด้วยได้ป่าว ให้ห้าบาท ไม่เอาข้าวหลาม
เด็ก:ได้

แล้วป้าโอ้ทก็ให้น้องชายถ่ายภาพนี้ให้ ตลอดระยะเวลาที่สนทนากัน เด็กยังคงหน้าบึ้ง ป้าโอ้ทสังเกตว่า ที่สนามด้านนอกมีเด็กอีกสองคนนั่งอยู่  พ่อป้าโอ้ทบอกว่าเด็กพวกนี้น่าสงสาร อยากเล่นสนุกตามประสาเด็กๆ แต่ถูกผู้ใหญ่บังคับให้มาเดินขายของ

ป้าโอ้ทภาวนาให้เด็กๆ เหล่านี้มีอนาคตและชีวิตที่ดีกว่านี้เมื่อเขาโตขึ้น

มัดกระบอกข้าวหลามไม่เบานะคะ เด็กต้องเอาเชือกมัดแล้วคล้องคอ ตัวเท่านี้ ป้าโอ้ทถือมือเดียวยังไม่หนักเลย


I have a story behind this picture to share;

It was in the morning at Doi PhaHomPok National Park Cheingmai ,Thailand in the  in Nov 23 2013. After we had done from sitting in hot spring, we had breakfast. There was a hill lady ( I do not know what to call people live on the hill and do not speak Thai as well) came to us. She was selling handmade stuff . I bought some for gifts. This girl (in the photo) walked there and stood, looked at me without say word. Mister asked if she wanted anything? I told him to ignore and she will walk away but  it did not like I thought. She looked at me un-friendly. I wanted to take a photo of her and walked away but I changed my mind.

Me : Can you speak?
Girl : Yes (un-friendly voice)

Me: What are you selling?
Girl: Sticky rice in bamboo?

Me: Let's me look.

She had hard time to take a bunch of bamboo out  of her neck that I helped her.

Me: how much?
Girl : one baht each

Me: can I take a photo with you then I will give five baht and I do not want sticky rice in bamboo.
Girl : OK

this in only one photo I let my brother took . I noticed that there were couple children in the yard not far from us. They were poor kids. My dad said" they are not happy because they want to play as regular kids but adult  force them to work"


I wish they have better life when they grow up.


Friday, January 3, 2014

ป้าโอ้ทสายตายาวแล้วจ้า Far vision

3 มกราคม 2557

สวัสดีค่ะ ประเดิมบล๊อกแรกของปีม้า สะบัดหาง ปัดแมลงวี่ (รู้ไปโหม้ดดดดดดดดด)

ป้าโอ้ทชอบจังญาติคนหนึ่งบอกว่า"มองการไกล" ไม่ใช่แก่ หลังจากที่ป้าโอ้ทเล่าว่ามองตัวหนังสือในระยะที่เคยเห็นปกติพล่า มัวแล้วล่ะ ต้องขยับห่างๆ ป้าโอ้ทสายตายาว

ป้าโอ้ทไม่เคยใส่แว่นสายตาเลยนะ ไม่อยากจะโม้ เป็นคนสายตาปกติ จนกระทั่งเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน 2556 เริ่มมองตัวหนังสือในระยะที่เคยเห็นไม่ชัด ไม่รับความจริงน่ะ (ก็อาการสายตายาวเกิดขึ้นในช่วงอายุผู้สูงวัยตามที่ป้ารู้มาเนิ่นนาน) จังหวะป้าโอ้ทกลับไทยกลางเดือนพฤศจิกายนพอดี ไปตัดแว่นราคาไม่แพงซะเลย แต่พ่อป้าโอ้ทบอกไม่ต้องเสียเงินตัดแพง มาๆจะพาไปซื้อ

แผงแว่นตาที่โลตัสสาขาใกล้บ้าน อยากได้ระยะเท่าไรเลือกได้  เป็นครั้งแรกของป้าโอ้ทที่ต้องซื้อแว่นสายตา ไม่รู้ว่าต้องอย่างไร แบบไหน ได้คำแนะนำจากคุณป๋า ผู้มีประสบการณ์ให้ลองสวม ที่แว่นจะสติกเกอร์น้อยบอกระยะไว้ ลองสวมดูระยะไหนเห็นชัดนั่นล่ะใช่ ป้าโอ้ทลองสวมระยะที่ยาวมาก มองไม่เห็นอะไรเลยมั่วสนิท เพิ่งเริ่มต้นแค่นิดเดียวเท่านั้น +50 และ เอามาเผื่ออีกหนึ่งอัน +75 เพราะคุณป๋าบอกว่านานไปจะยิ่งมองไกล ป้าโอ้ทหยิบ +120 มาสวมแล้วมอง โอโห มึน มองไม่เห็นอะไรเลยประหนึ่งมีหมอกอยู่เบื้องหน้า
มิสเตอร์บอกว่า "ยูเหมือนแม่ยูเลย" แล้วหัวเราะ




ตั้งแต่มีแว่นใส่ สามครั้ง เพราะยังไม่คุ้น วันหนึ่งป้าโอ้ทกับมิสเตอร์ไปร้านอาหาร ป้าโอ้ทไม่ได้พกแว่นไปด้วยเพราะยังไม่คุ้นเคย ปรากฎว่า มองเมนูไม่รู้เรื่อง จากระยะที่นั่ง กับ โต๊ะ เคยมองเห็นสบายๆ ป้าโอ้ทต้องขยับเมนูออกไกลขึ้น  และหน้าคอมฯ ป้าโอ้ทไม่ใส่แว่นเลย อาจทำให้สายตายิ่งแย่ไปใหญ่(หรือเปล่าไม่รู้) วันนี้ป้าโอ้ทเอาแว่นมาสวมรู้สึกตัวหนังสือขยาย และชัดขึ้น แต่ก็ยังไม่คุ้น ขยับเข้า ขยับออกอยู่นั่น  รู้สึกและ เห็นได้ชัดเจนว่าสวมแว่นมองเห็นชัดกว่าไม่สวม ฉะนั้น ต้องสวมให้คุ้น แต่คงไม่สวมตลอดเวลาก็ได้เน่อะ เพราะป้าเห็นผู้สูงวัยกว่าป้าหลายคนเขาสวมเฉพาะเมื่ออ่านหนังสือ


Jan 3 2014

Happy New Year . For Chinese circle , this year is Horse.

I start my first blog with my new glasses story. I have long sight that I noticed early in November last year. I could not see the letters well in regular distance I used too but I did not accept that because of my eyes yet. Why?

I have known that when people getting old their eyes change to long sight then I am not that old...that was my thought.

We were going back to Thailand in the middle of November so I planned to get myself glasses there because the cost was cheaper. My dad told me that I do not need to see the doctor and took me to the vendor in the Mall around his house. It cost only 50 Baht a pair which was about 2 dollars.  I have never thought that I need to wear any eye glasses. I had good eye sight. This is my first, so I have no idea how to get the right one. My dad who has experiences for many years....LOL  gave me adviced about how to choose. I wore few glasses and looked if see clear. I got two different distance which a tiny sticker telling the number on every glasses. I got +50 and +75 for in the future my eye sight changes longer.

Mister said" You look like your mom" and laugh.

Since I have them, I have worn them few time because I still feel strange. I sometimes wear them when use computer but today I think " I sit in front of the computer so much it will prevent my eye if I wear the glasses my eye sight may not change so fast" then I am wearing them right now.

I still feel uncomfortable and move them in and out many time. I notice that with glasses the letters are bigger and my vision clearer.

Once, at the restaurant I could not see the menu so well because I did not have glasses with me that was bad.

I think " it is no need to wear all the time because I have seen older people they wear when reading" that's all.



เมื่อเราไม่ท้อ ไม่ถอย ตั้งใจ และลงมือ อะไรก็สำเร็จได้สักวัน
แวะมาบ่อยๆ นะค่ะ ขอให้มีความสุข และ มีความรักรอบๆ ตัวทุกคนค่ะ
If we never give up and begin doing, we will succeed. I wish everyone happiness and love, stay around.

เรื่องราว ข้อมูล บทความ ที่เขียนทั้งหมด ที่พื้นที่แห่งนี้เป็นข้อมูลส่วนตัว ตั้งใจเขียนเป็นบันทึกเก็บไว้อ่านย้อนหลังเพราะไม่ได้เขียนใส่สมุดตั้งแต่มาอเมริกาและเพื่อง่ายต่อทางบ้านที่ประเทศไทยได้เห็นชิวิตความเป็นอยู่ ทั้งเล่าสู่กันฟังถึงสิ่งที่ได้รู้ ได้เห็น ได้สัมผัส มิได้มีเจตนากระทบกระทั่งบุคคลใดขอขอบคุณเจ้าของบทความ งานเขียน และรวมถึงวิดีโอ ที่มีประโยชน์ได้นำมาอ้างอิงเผยแพร่ไว้ที่นี่ และยินดีต้อนรับทุกคนที่เข้ามาทั้งด้วยความตั้งใจและบ้งเอิญค่ะ

Stories and articles in this blog are my experiences .I would like to share in public. Welcome everyone!

Since I moved to the USA I have not written in a book, I use this space to keep the memories of everything I do and everyone I meet and this makes it simple to update my family in Thailand also.

Thank you to all the writers and people educated in the media who I copied to share this blog